ส่วนที่มากดดันให้ ส.ว.ต้องเคารพเสียงประชาชน นายสุชาติกล่าวว่า สื่อต้องเป็นกระจกเงาสะท้อนกลับไปบ้าง เหมือนเด็กงอแงกินขนม เรียกกินอมยิ้มอย่างเดียว มันต้องดูเหตุและผล ผู้ใหญ่หลายพรรคก็ให้สัมภาษณ์ไปแล้ว แต่ละพรรคมีจุดยืนมีนโยบายพรรคของตนเอง เขาจะไปแหกข้อบังคับพรรคเขาอย่างไร
“แต่ละพรรคมีนโยบาย และจุดยืนเป็นของตัวเอง ที่ไปหาเสียง แม้ประชาชนจะเลือกเขามา 1-2 ล้านเสียง ก็มาเพราะนโยบายนี้ ถ้าไปช่วยคนที่นโยบายไม่เหมือนกันแล้วจะอยู่กันอย่างไร” นายสุชาติกล่าว
เมื่อถามย้ำว่า การที่ส.ส.จะไม่โหวตให้ ไม่ใช่การไม่เคารพเสียงจากประชาชน ใช่หรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า เขามีแค่ 14 ล้านเสียง จาก 40 ล้านเสียง “แล้วถ้าคนที่เขาเลือกผมมา 4 ล้านเสียง เพราะเขาไม่เอานโยบายพรรคของนายพิธา ถ้าผมโหวตให้นายพิธา แล้วผมจะกลับบ้านได้อย่างไร“ พร้อมขอสื่อมวลชนอย่าหลงกลเขา ต้องให้ข่าวความจริงสะท้อนกระจกให้เขาฟัง อย่าให้เขามองว่า เอาตรงนั้นตรงนี้ออกมาช่วย เอาตรงนั้นจะออกมากดดัน คุณมีแค่กี่เปอร์เซ็นต์ มี 14 ล้านเสียงคุณก็ต้องไปจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ มันเป็นหน้าที่ของพรรคแกนนำ
ส่วนที่เอากระแสสังคมมากดดัน ส.ส.และ ส.ว.จะทำให้เกิดความวุ่นวายหรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า ต้องให้สื่อมวลชนพูดความจริงกับประชาชน ว่าเขามี 14 ล้านเสียง เขาไม่ได้มี 30 ล้านเสียง ถ้าเขาจำเป็นต้องใช้ เสียงคนอื่น แต่คนอื่นไม่มีนโยบายตรงกับเขา แล้วจะไปกันอย่างไร “เช่น นโยบายเขาไม่เอาลุง แต่ผมมีลุง แล้วจะไปอย่างไร ผมขอถาม ถูกไหม เพราะคนที่เขาเลือกผมมา ก็เพราะไม่เอาพรรคก้าวไกล ที่เสนอแก้อะไรที่คนไทยรับไม่ได้”
เมื่อถามย้ำว่า อย่างไรก็รวมกันไม่ได้กับพรรคก้าวไกลแน่นอนใช่หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า การเมืองจะมองเป็นของเล่นไม่ได้ การเมืองคือประเทศชาติบ้านเมือง การเมืองคือพี่น้องประชาชน การเมืองคือความยั่งยืนของลูกหลานเราในอนาคต เราจะมองการเมืองเป็นของเล่น แค่อารมณ์ชั่ววูบ เหมือนไฟไหม้ฟางหรือ มันไม่ใช่นะ เราต้องมีอุดมการณ์ที่เข้มแข็งและชัดเจน ไม่ใช่อุดมการณ์ที่จะไปช่วยเขา แล้วมันเกี่ยวอะไร มันไม่เกี่ยวกัน ส่วนตัวมีเอกสิทธิ์ ส.ส.มีเอกสิทธิ์ทุกคน
เมื่อถามว่าได้มีการวิเคราะห์หรือไม่ หากพรรคลำดับที่ 1 จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ จะมีความวุ่นวายตามมา นายสุชาติ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่พรรคอันดับที่ 1 จะต้องไปคิดเอง จริงๆ แล้วถ้าเขาได้เกิน 250 เสียง ก็ได้ไป แต่ได้ 151 เสียง ก็ต้องไปขอใคร เขาว่าใครเอาไว้ แล้วใครจะไปยอม แต่ละคนก็มีแฟนคลับ
ส่วนถ้าพรรคไกลไม่สามารถจะตั้งรัฐบาลได้ แล้วพรรคอื่นมาชวน รทสช.ไปร่วมรัฐบาล นายสุชาติกล่าวว่าตนไม่สามารถตอบแทนพรรคได้ และเมื่อถามย้ำว่าหากพรรคลำดับที่ 2 จัดตั้งรัฐบาลแล้วมาชวนจะโหวตนายกรัฐมนตรีให้พรรคลำดับที่ 2 หรือไม่ นายสุชาติย้อนถามกลับว่า ต้องถามที่จุดยืนของผมก่อน ว่าคืออะไร ผมไม่เอาพรรคก้าวไกลอยู่แล้ว ถ้าไม่มีนโยบายที่ไปแตะต้องสิ่งที่คนไทยนั้นหวงแหนก็พอแล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำอีกว่าแสดงว่า พร้อมเปิดช่องให้กับพรรคอื่นยกเว้นพรรคก้าวไกล ใช่หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ต้องยอมรับ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการแช่แข็งทางการเมือง เรามองว่าเป็นการแช่แข็งหรือเปล่า ตรงนี้ผมคิดเองนะ แต่ถ้าพรรคก้าวไกลเรียกออกมาช่วยเพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลได้ คุณด่าเขาทุกวันแล้วเขาจะไปอยู่กับคุณได้อย่างไร และต้องกลับไปถามชาวบ้าน เพราะชาวบ้านเลือกเรามา ผมเองก็ต้องกลับไปถามประชาชน ไม่ใช่พูดเล่นนะ
อย่างไรก็ตามนายสุชาติ ยังกล่าวย้ำในช่วงท้ายว่า สื่อมวลชนต้องช่วยกัน อย่าไปหลงกลเขา ว่ามี 14 ล้านเสียง แล้วเป็นรัฐบาล เขามีเสียงถึงกึ่งหนึ่งหรือไม่ และต้องถามกลับว่า คุณจะรวมเสียงอย่างไรต้องไปหากันเอง แต่ถ้าจะมากดดัน ส.ส. แต่ถ้าจะมาเรียกร้อง สส. พรรคต่างๆ โหวตให้เขาผ่าน ผมว่ามันไม่ใช่แล้วแบบนี้ไม่ใช่การเมือง