วันพฤหัสบดี, เมษายน 25, 2024
ข่าวทั่วไทย

เปิดชีวิตสาวเมืองคอนวัย 41 ปี หอบลูกพิการ 3 คน หนีผัวทาสยานรก ก่อนฝันเป็นจริงนายกเหล่ากาชาดยื่นมือช่วยพ้นขุมนรกสร้างบ้านให้อยู่อาศัย

(16 พ.ย.) เรื่องราวชีวิตจริงยิ่งกว่านิยายเรื่องนี้ถูกเปิดเผยขึ้นจากกรณีที่นายบาว มีลาภอันประเสริฐ หรือ “ส.ท.เป็ด”สมาชิกสภาเทศบาลตำบลบางจาก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ร้องเรียนขอความช่วยเหลือไปยังสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อช่วยเหลือครอบครัวของนางสาวจุฑาพร ถาวรแก้ว อายุ 41 ปี พร้อมลูก ๆ 3 คน ซึ่งลูกทั้ง 3 คนพิการเป็นโรคกระดูกอ่อนหรือโรคภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ซึ่งนางจุฑาพร ได้หอบผ้าหอบผ่อนหลบหนีสามี ทาสยาเสพติดทซึ่งเป็นพ่อของเด็กพิการทั้ง 3 คนมาขออาศัยอยู่บ้านแม่และพ่อเลี้ยงที่บ้านเลขที่ 183/2 หมู่ที่ 9 ตำบลบางจาก อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช

จนกระทั่งนางพิชานันท์ เผือกผ่อง นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครศรีธรรมราช ทราบเรื่องจึงได้นำคณะประกอบด้วยนายสุเทพ แก้วประดิษฐ์ นายอำเภอเมือง จ.นครศรีธรรมราช นางนรี เพชรชู ประธานชมรมแม่ดีเด่นจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมจังหวัด ,คณะผู้แทนกองทุนสวัสดิการบ้านบางสะพาน ผู้นำท้องถิ่นท้องที่ และกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ต.บางจาก ได้ร่วมกันเดินทางไปตรวจสอบ และพบว่านางจุฑาพร พร้อมลูกชาย 3 คนอายุ 20 ปี ,14 ปี และ 7 ปี อาศัยอยู่กับแม่และพ่อเลี้ยง จึงให้การช่วยเหลือเป็นการเบื้องต้น จนต่อมานางพิชานันท์ เผือกผ่อง นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครศรีธรรมราช และคณะได้ตัดสินใจว่าจะร่วมกันก่อสร้างบ้านพักอาศัยแก่นางสาวจุฑาพร ถาวรแก้ว พร้อมลูกชายพิการทั้งสามคน 1 หลังมูลค่าประมาณ 1.2 แสนบาทในท้องที่หมู่ 9 ต.บางจาก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราชโดยได้รับความกรุณาบริษัทยุ่ยล้งนคร จำกัด และเพื่อนบ้านเกี่ยวกับวัสดุและอุปกรณ์การก่อสร้างบ้าน

การก่อสร้างบ้านเริ่มดำเนินการเมื่อวันที่ 3 พ.ย. 2565 ซึ่งที่ผ่านมา 12 วัน โดยมีนายชัยรัตน์ เดชะโช ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 เจ้าของพื้นที่ได้นำคณะผู้ใหญ่บ้านใน ต.บางจาก ประกอบด้วย นายวีระพงศ์ สะภะพันธ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 นายธัชนนท์ เงินนาค ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 นายสายันต์ วรรณทอง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 และนายอภิชาติ แซ่พั่ว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 นายบาว มีลาภอันประเสริฐ ส.ท.เทศบาลตำบลบางจาก และชาวบ้านร่วมกันเป็นทีมช่างเร่งดำเนินการก่อสร้างบ้านให้นางจุฑาพร อย่างต่อเนื่องแม้จะมีฝนตกหนักติดกต่อกันแทบทุกวันแต่ทีมช่างไม่มีการหยุดการก่อสร้าง โดยมีนางธันพร เพชรรัตน์ กำนัน ต.บางจาก เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อวัสดุการก่อสร้างเพิ่มเติม จนผ่านมากว่า 10 วันการก่อสร้างบ้านใกล้แล้วเสร็จและคาดว่าอีก 2 วันบ้านจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งนางจุฑาพร พร้อมลูกพิการทั้ง 3 คนสามารถย้ายเข้ามาอยู่อาศัยได้ตลอดไป

โดยนางสาวจุฑาพร ถาวรแก้ว เปิดเผย ในสมัยวัยรุ่นตนมีสามีคนแรกมีบุตรชายด้วยกัน 1 คนแต่หลังจากบุตรชายอายุ 3 ขวบตนก็เลิกรากับสามีคนแรก หลังจากนั้นตนได้มาอยู่กินกับสามีคนปัจจุบันที่ ต.ไม้เรียง อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช จนมีลูกด้วยกันอีก 3 คน ๆ ปัจจุบันโตอายุ 20 ปี คนที่ 2 อายุ 14 ปี และคนสุดท้องอายุ 7 ขวบ ส่วนบุตรชายที่เกิดจากสามีคนแรกมีอายุ 23 ปี ทำงานและมีครอบครัวอยู่ในกรุงเทพมหานคร ในขณะที่ลูกทั้งสามคนเมื่ออายุ 5-7 ขวบจะเป็นโรคโรคกระดูกอ่อนหรือโรคภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ในตอนแรกสามีก็เป็นคนขยันทำงานรับจ้างกรีดยางพารา และแทงเก็บผลปาล์มน้ำมัน จนเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาสามีไปมั่วสุมเสพยาเสพติดจนติดงอมแงม ไม่ทำงานทำการใด ๆ เป็นหลักแหล่ง จนกระทั้งประสาทหลอนคล้ายคนวิกลจริต พูดคนเดียวและชอบเก็บก้อนหินจากนอกบ้านมาตั้งในบ้านกราบไหว้บูชา ทำให้ภาระในการทำงานหารายได้เลี้ยงครอบครัว 5 ชีวิตเพียงตกอยู่ที่คนเดียว ซึ่งตนจะออกไปรับจ้างทำงานที่ร้านขายของชำในตลาดไม้เรียง อ.ฉวาง โดยตนทำงานหนักมากทั้งขนของ ยกของ แบกข้าวสาร เป็นต้น ได้ค่าข้างวันละ 300 บาทแทบจะไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายในครัวเรือน

“ชีวิตตนและลูกพอิการทั้ง 3 คนลำบากแร้นแค้นอย่างหนัก ตนต้องตื่นแต่เช้าปรนนิบัติดูแลลูก ๆ ทั้ง 3 คนก่อนจะหุงหาอาหารเตรียมไว้ให้ลูกๆ และสามี จากนั้นจะออกไปทำงานรับจ้างที่ร้านขายของชำ กลับมาบ้านตอนเย็นถึงค่ำก็จะรีบหุงหาอาหารให้ลูกและสามีกิน บางครั้งอาหารมีไม่เพียงพอตนต้องทนอดเพื่อให้ลูกและสามีได้กินอิ่ม จนกระทั้งในระยะหลัง ๆ สามีที่โดนพิษยาเสพติดทำลายสมองเริ่มขาดสติสัมปชัญญะ คลุ้มคลั่งอาละวาดทำร้ายร่างกายตนจนได้รับบาดเจ็บถึง 3 ครั้ง แต่ตนก็ยอมสู้ทนเพื่อลูก ๆ จนกระทั้งลูกชายคนโตได้ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปตอนที่สามีทำร้ายลูก ๆ อย่างโหดร้ายทารุณ เมื่อลูกชายเอาคลิปให้ตนดูทำให้ตนไม่พอใจแป็นอย่างมากที่สามีซึ่งเป็นพ่อแท้ ๆ ทำกับลูก ๆ ได้ถึงขนาดนั้น ตนจึงสอบถามสามีจนเกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้น และตนถูกสามีทำร้ายร่างกายอย่างหนักจนสะลักสะบอม อ่างไรก็ตามลูกชายคนโตได้แอบถ่ายคลิปเหตุการณ์ที่ตนถูกทำร้ายเอาไว้เป็นหลักฐาน และส่งร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่บ้านและนายอำเภอฉวาง จนมีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบช่วยเหลือ สร้างความไม่พอใจและโกรธแค้นให้กับสามีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะลูกชายคนโตที่เป็นคนถ่ายภาพและคลิปเหตุการณ์ รวมทั้งลูกคนที่สองที่มักจะถูกสามีทำร้ายอย่างอย่างโหดร้ายป่าเถื่อน ตนจึงตัดสินใจแจ้งกับเจ้าหน้าที่และนายอำเภอว่าไม่สามารถอยู่กินกับสามีทาสยาเสพติดต่อไป เพราะเกรวว่าตนและลูก ๆ อาจจะถูกทำร้ายจนถึงแก่ชีวิตได้ และขอนำลูก ๆ ออกจากบ้านไปหาที่อยู่ที่ปลอดภัย จนกว่าสามีจะรัก(ษาอาหารติดยาหายเป็นปกติ และในที่สุดสามีก็ยินยอมให้ตนนำลูก ๆ กลับอยู่กับแม่และพ่อเลี้ยงที่ ต.บางจาก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช

“โดยที่บ้านแม่และพ่อเลี้ยงอยู่อาศัยเป็นบ้านไม้ยกพื้นสูงประมาณ 1.5 เมตร เพื่อหนีน้ำท่วม โดยบ้านก็ชำรุดทรุดโทรมไปบางส่วน ซึ่งตนและลูก ๆ พิการ 3 คนจะนอนรวมกันในห้องเก่า ๆ จะพังแหล่มิพังแหล่ ในตอนกลางวันก็จะออกไปรับจ้างทำงานหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัวและถือโอกาสได้ปรนนิบัติเลี้ยงดูแม่และพ่อเลี้ยงที่อยู่ในวัยชราไปในตัวด้วย จนได้พบกับนายบาว มีลาภอันประเสริฐ ส.ท.ตำบลบางจาก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ตนได้เล่าเรื่องราวชีวิตของตนและลูก ๆ ให้นายบาว ทราบ จนนายบาว ให้เมตตาช่วยเหลือให้ตนไปทำงานเป็นแม่บ้านดูแลใน “ในโรงเจ โรงทานหลวงปู่ทวด”ของนายบาว ได้ค่าจ้างวันละ 300 บาท ต่อมานายบาว ได้แจ้งเรื่องของตนและลูก ๆ ให้นางพิชานันท์ เผือกผ่อง นายกเหล่ากาชาดทราบ จนนางพิชานันท์ นำคณะเหล่ากาชาด ชมรมแม่บ้านมหาไทยและพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มาเยี่ยมและมอบเงินและสิ่งของช่วยเหลือตามระเบียบราชการ ก่อนจะมีการระดมทุนจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใจบุญใจช่วยก่อสร้างบ้านให้ตนบนที่ดินเช่าของวัดมุจลินทราวาส หรือ “วัดบ่อจิก” ซึ่งทำสัญญาจ่ายค่าเช่าจ่ายเงินบำรุงวัดปีละ 100 บาท”

นางจุฑาพร กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ในตอนที่นอนกับลูก ๆ ทั้ง 3 คนในตอนกลางคืนก็จะพูดคุยหารือกับลูก ๆ บ่อย ๆ ว่ายากมีบ้านหลังเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง และไม่คาดคิดว่าความหวัง ความฝันของตนจะกลายเป็นจริง หลังจากทราบว่าผู้ใจบุญ นำโดยนางพิชานันท์ นายกเหล่ากาชาด จะสร้างบ้านให้ตนและลูก ๆ ตนดีใจเป็นอย่างมาก และขอขอบพระคุณนางพิชานนท์ รวมทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใจบุญทุกคนทุกท่านโดยเฉพาะนายบาว มีลาภอันประเสริฐ ที่เมตตายื่นมือช่วยตนและลูก ๆ รวมทั้งแม่และพ่อเลี้ยง ในครั้งนี้ และตนจะตั้งใจทำงานเป็นแม่บ้านที่ “โรงแจ โรงทานหลวงปู่ทวด” ของนายบาว ให้ดีที่สุด ซึ่งถือว่าตนจะมีโอกาสเลี้ยงดูแม่ที่พิการตาบอด 1 ข้างอีกข้างฝ้าฟางมองไม่ค่อยเห็น ส่วนพ่อเลี้ยงก็แก่ชราอายุกว่า 70 ปีแล้วและยังป่วยเป็นโรคประจำตัวจนทำงานอะไรไม่ได้ โดยตอนตนเด็ก ๆ พ่อเลี้ยงท่านเมตตาเลี้ยงดูตนเหมือนลูกในไส้ ตนจึงเคารพนับถือเหมือนพ่อบังเกิดเกล้า

“ทราบว่านางพิชานันท์ เผือกผ่อง นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ประสานงานติดต่อกับสำนักงานการศึกษานอกโรงเรียนและการศึกษาตามอัธยาศัย จะให้คุณครูมาสอนหนังสือบุตรชายของตนทั้ง 3 คนให้สามารถอ่านออกเขียนได้ ตนดีใจมากที่สุดในชีวิต และจะภาวนาตัวเป็นคนดี ของสังคม อุทิศตนและมีจิตอาสาในการจะช่วยเหลือสังคมส่วนรวมอย่างเต็มที่” นางจุฑาพร กล่าวในที่สุด

ไพฑูรย์ อินทศิลา /นครศรีธรรมราช

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *