เมื่อเข้าไปดูพบว่าบริเวณท้ายรถยนต์กระบะมีวัตถุโบราณจากหินศาลาแลง สภาพเก่าแก่ ขนาดใหญ่วางเรียงอยู่จำนวน 5 ชิ้น ประกอบด้วย แท่นฐานโยนีสำหรับตั้งศิวลึง ขนาดกว้าง 50 ซม.ยาว 50 ซม.และสูง 50 ซม.จำนวน 1 แท่น, เสาหินศิลาแลงแกะสลัก เป็นเสาประดับขอบประตูปราสาทขอมโบราณ ขนาดยาว 120 ซม.จำนวน 1 ชิ้น, เสาหินศิลาแลงแกะสลัก เป็นเสาประดับขอบประตูปราสาทขอมโบราณ ขนาดยาว 40 ซม.1 ชิ้น, ทับหลังหินศิลาแลง ขนาดยาวประมาณ 90 ซม.จำนวน 1 ชิ้น และหินศิลาแลงแกะสลักหน้าพรหมภักดิ์ ขนาด 30 ซม.อีก 1 ชิ้นโดยวัตถุโบราณทั้งหมดชาวบ้านบอกว่าถูกซ่อนใต้กุฏิของหลวงพ่อทอง
นางนันทวัน ทับทิมเทศ คหบดีเมืองอรัญประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่เคารพนับถือหลวงพ่อทอง เผยว่าหลังจากหลวงพ่อทองมรณภาพ เมื่อวันที่ 31 พ.ค.66 ตนและบรรดาลูกศิษย์ที่เคารพนับถือหลวงพ่อทอง ได้มาเก็บกวาดทำความสะอาดกุฏิหลวงพ่อทองเพื่อเตรียมจะบูรณะใหม่ ได้มีญาติ ซึ่งเป็นหลานของหลวงพ่อทองมาบอกว่าหลวงพ่อทองเคยบอกว่าที่ใต้กุฏิมีวัตถุโบราณอยู่ จึงช่วยกันตรวจสอบและพบว่าบริเวณใต้กุฏิมีวัตถุโบราณขนาดใหญ่มีน้ำหนักมากไม่สามารถยกขึ้นมาได้ ซุกซ่อนอยู่ จึงประสานไปยังกองร้อยทหารพรานที่ 1302 นำกำลังทหารพรานมาช่วยกว่า 10 นาย แต่ก็ไม่สามารถยกและเคลื่อนย้ายวัตถุโบราณออกมาได้ พวกตนจึงได้จุดธูปบอกกล่าวหลวงพ่อทอง จึงทำให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานสามารถยกวัตถุโบราณออกมาได้จำนวน 5 ชิ้น แต่ยังคงมีเหลืออยู่อีกหลายชิ้นไม่สามารถมุดเข้าไปเอาออกมาได้เนื่องจากพื้นใต้ถุนกุฏิเตี้ยเกินไป

ต่อมานายชนาธิป โคกมณี ปลัดจังหวัดสระแก้ว พร้อมด้วย น.ส.ชวัลรัตน์ ชัยนราพิพัฒน์ หัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์สด๊กก๊อกธม อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ได้ดินทางมาร่วมตรวจสอบ โดย น.ส.ชวัลรัตน์ เผยว่าจากการตรวจสอบเบื้องต้นสันนิษฐานว่าวัตถุโบราณที่พบใต้กุฏิหลวงพ่อทองนั้นบางชิ้นอาจจะเป็นวัตถุโบราณจากปราสาทสด๊กก็อกธม ที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เช่นแท่นโยนี และเสาหินประดับขอบประตู เป็นศิลปะสมัยบาปวน มีอายุประมาณ 1,000 ปี ส่วนทับหลัง คาดว่าจะมีอายุมากกว่าแต่ยังไม่ทราบว่ามากจากแหล่งใด และหน้าพรหมภักดิ์ คาดว่าเป็นของทำขึ้นมาใหม่ไม่ใช่ของเก่า

ทั้งนี้ เบื้องต้นนายชนาธิป โคกมณี ปลัดจังหวัดสระแก้ว ได้ให้ น.ส.ชวัลรัตน์ หัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์สด๊กก็อกธมฯนำวัตถุโบราณทั้ง 5 ชิ้นไปเก็บรักษาที่อุทยานประวัติศาสตร์สด๊กก๊อกธม อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อรอ จนท.สำนักโบราณคดี กรมศิลปากร มาตรวจสอบโดยละเอียดเพื่อความแน่นอนอีกครั้ง
นายชนาธิป โคกมณี ปลัดจังหวัดสระแก้ว เผยว่าจากการพูดคุยและสอบถามชาวบ้านทราบว่ากุฏิหลวงพ่อทองหลังนี้ได้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2477 และหลวงพ่อทองมาอยู่ตั้งแต่ปี 2510 และเมื่อปี พ.ศ.2512 ในหลวงรัชกาลที่ 9 เคยเสด็จมาพระราชทานกฐินส่วนพระองค์ เมื่อวันที่ 5 พ.ย.2512 ส่วนวัตถุโบราณที่พบใต้กุฏิหลวงพ่อทองนั้นคาดว่าในสมัยสงครามภายในกัมพูชาที่มีชาวเขมรลี้ภัยเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมาก อาจมีชาวบ้านไปขโมยวัตถุโบราณมาจากปราสาทสด๊กก๊อกธม และสถานที่อื่นนำกลับมาไว้บ้านแต่อาจเกิดความกลัวจึงได้นำมาถวายที่วัดหลวงอรัญฯแล้วหลวงพ่อทองนำไปไว้ใต้กุฏิจนถึงทุกวันนี้ก็เป็นได้

นายยุทธนาพึ่งน้อยผู้สื่อข่าวจังหวัดสระแก้ว