วันเสาร์, เมษายน 27, 2024
อาชญากรรม

ไทย-ลาว จับมือปราบปรามขบวนการค้าสัตว์ป่าข้ามชาติ

วันที่ 22 พ.ย. 65 เวลา 14.00 น. ที่สำนักงานด่านตรวจสัตว์ป่ามุกดาหาร ตำบลบางทรายใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชานี) นายสถิตย์ พิสัยสวัสดิ์ หัวหน้าด่านตรวจสัตว์ป่ามุกดาหาร ท่านบัวพัน บุนวิไล หัวหน้ากองกวดกาป่าไม้ ท่านสุนทอน เทบปันยา รองหัวหน้ากองคุ้มคองอนุลักป่าฯ นางเพ็ดมะนี จันไชยะวง หัวหน้าขะแนงป่าไม้ ท่านสีเมือง สีหาลาด หัวหน้ากวดกาพาสี และท่านพูวง ไชยะวง หัวหน้าสิ่งแวดล้อมแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว พร้อมด้วย พ.ต.ท.ธีระวัฒน์ ทิพธนาวิวัฒ รอง ผกก.ตม.มุกดาหาร พ.ต.ท.อุดร ชาวแขก สารวัตร ตม.มุกดาหาร ร.ต.ต.สุชาติพาโคกทม รอง สารวัตร ( กก.3 ปทส. ) นายนพปฎล ศิริขันธ์ หัวหน้าปราบปราม ด่านศุลกากรมุกดาหาร เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ มห.1 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ประเทศ ได้ร่วมประชุม เพื่อประสานงานแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ระหว่างประเทศไทย(มุกดาหาร) และ สปป.ลาว (สะหวันนะเขต) กรณี การค้าสัตว์ป่าข้ามชาติ ( ตรวจยึด ลูกเสือโคร่ง 4 ตัว )

 

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 พ.ย. 65 คณะเจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุม นายถนัด และตรวจยึดลูกเสือโคร่งของกลาง จำนวน 4 ตัว โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิด พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ฐานมีไว้ในครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ค้าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และนำเข้าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยลักลอบขนย้ายลูกเสือโคร่งข้ามทางช่องพรมแดนธรรมชาติ

จากการสืบสวนขยายผลทราบว่า ก่อนวันเกิดเหตุ นายถนัดฯ ผู้ต้องหา ได้เดินทางออกนอกประเทศไปยังแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว ช่องทางด่านพรมแดนมุกดาหาร – สะหวันนะเขต พร้อมกับนาย ปรัชญ์นันท์ เพื่อไปติดต่อชื้อลูกเสื่อโคร่ง และเดินทางกลับช่องทางเดียวกัน ในวันที่ 14 พ.ย. 65 ซึ่งนายถนัดฯ เดินทางกลับเข้ามาเพียงคนเดียว และนายถนัดฯ ให้การว่า ได้ไปติดต่อซื้อลูกเสือ ในแขวงสะหวันนะเขต ห่างจากด่านพรมแดน ประมาณ 7 กม. และพบคลิปวีดีโอในโทรศัพท์ของนายถนัดฯ ที่ติดต่อกับผู้ขาย มีลูกเสือโคร่งจำนวนมาก

 

นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชานี) เปิดเผยว่า ได้นำทีมและคณะ 5 หน่วยงานโดยทางหน่วยงาน สปป.ลาว ไม้ได้นิ่งนอนใจมาขอข้อมูล เพื่อที่จะช่วยกันปราบปราม ขบวนการค้าสัตว์ป่าข้ามชาติทั้ง 2 ประเทศ กังวลคือ ทาง สปป.ลาวเองก็ได้กวดขันในเรื่องนี้อยู่แล้ว และกวดขันในเรื่องการเพาะเลี้ยง ซึ่งในธรรมชาติไม่มีเสือโคร่ง ได้มาพูดคุยจึงทราบว่า เสือส่วนหนึ่งข้ามมาจากประเทศไทยในช่องทางธรรมชาติ ไปพักพิงที่ฝั่งสะหวันนะเขต หลังจากนั้นได้ติดตามขบวนการสืบเสาะตามหลักฐานที่มี และได้ส่งหลักฐานที่มี และได้ส่งหลัฐานให้ทางแขวงป่าไม้ของ สปป.ลาว หมดแล้ว หวังว่าทาง สปป.ลาวจะได้สืบสวนต่อ จากกล้องวงจรปิด ที่พัก และเป้าหมายที่ส่งไปให้

 

 

นายชัยวัฒน์ เปิดเผยอีกว่า วันนี้เป็นนิมิตรหมายที่ดีทั้ง 2 ประเทศ จะได้ร่วมมือกันปราบปรามเรื่องการค้าไม้ และการค้าสัตว์ป่าข้ามชาติ ไม่ว่าจะเป็นไม้พะยูง ไม้มีค่าต่าง ๆ และเสือโคร่ง และได้คุยในที่ประชุมว่า ถ้าทาง สปป.ลาว ตรวจสอบพบแล้วก็แจ้งทางเราโดยด่วน ทางเราจะตรวจเลือด DNA เราทราบว่ามีแหล่งเพาะเลี้ยงอยู่ฝั่งไทย และได้ตรวจพ่อ – แม่ไว้แล้ว ถ้าตรวจพบว่าแหล่งใด มีการนำไปข้ามไปฝั่งโน้น มีการจับได้ก็จะมาดำเนินคดีในฝั่งประเทศไทย

 

โดยทางไซเตส ได้ประสานงานกับประเทศเพื่อบ้าน ทางเจ้าหน้าที่ได้ดูในข่าว และมีความสัมพันธ์โดยตรงกับเราด้วย เราก็อยากจับมือความร่วมมือระหว่างประเทศ ได้สืบทราบมาว่า ยังมีลูกเสือที่อยู่ทางฝั่ง สปป.ลาว อยู่จำนวนมาก 30-40 ตัว ซึ่งเราได้เจรจาซื้อขายได้ 4 ตัว ถ้าเขาจับมือกับเราจริงใจ จริงจังกับขบวนการค้าสัตว์ป่าข้ามชาติ ขอความร่วมมือจากทางเจ้าหน้าที่ สปป.ลาว ถ้าได้กลับมาก็เป็นบุญของเรา ส่วนมีเจ้าหน้าที่และนักการเมืองเข้ามามีส่วนรู้เห็นนั้น ในหลักการต้องไล่เรียงถึงผู้บงการที่อยู่เบื้องหลัง อย่าพึงไปยืนยันว่ามีสายใหนบ้าง แต่มีระดับบิ้ก ๆ ทุกคน อาศัยอำนาจธุรกิจมืด การค้าสัตว์ป่ามีเป็นขบวนการ

 

ด้าน ท่านสุนทอน เทบปันยา รองหัวหน้ากองคุ้มคองอนุลักป่าฯ แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว กล่าวว่า ได้นำทีมงานจากแขวงสะหวันนะเขตมาประชุมกับทีมงานไซเตส ประเทศไทย ที่มุกดาหาร ได้รับทราบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเสือ 4 ตัว ที่ได้ตรวจยึดไปตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. ทางฝ่ายแขวงสะหวันนะเขต ได้รับทราบข้อมูล และแลกเปลี่ยนข้อมูลว่า ลูกเสือจำนวน 4 ตัว มาจากที่ใด ขอแจ้งให้ทราบว่า ทาง สปป.ลาว แขวงสะหวันนะเขต ไม่มีฟาร์มเสือ ไม่ได้เลี้ยงเสือ แต่ได้ปรากฏในข่าวต่าง ๆ ว่าเสือเอาข้ามมาจากฝั่งลาว และได้รับทราบข้อมูลความจริงแล้ว ว่าลูกเสือมาจากไทย ไปพักพิงที่แขวงสะหวันนะเขต และมีชาวต่างชาติมารับซื้อ เพื่อนำไปเป็นอาหาร เป็นยาสมุนไพร กินเป็นยาอายุวัฒนะ และได้รับข้อมูลอีกว่า ไม่ได้เฉพาะเสือ 4 ตัว ที่สกัดยึดได้ แต่มีมากกว่า 20-30 ตัว

 

ฉะนั้นทางเจ้าหน้าที่สะหวันนะเขต จะได้กลับไปปรึกษาหารือร่วมกันว่าลูกเสือดังกล่าวพักอยู่ที่ใด ครัวเรือนของใคร ใครเป็นคนเลี้ยง ปัจจุบันได้เคลื่อนย้ายไปไหน ไปแขวงใด เมืองใด จะได้ร่วมกัน หลังจากนั้นจะได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาได้รับทราบ และดำเนินการในการกวดกาสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามขั้นตอนของกฎหมาย

 

 

 

ทั้งนี้ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชานี) พิจารณาแล้ว จึงขอความอนุเคราะห์ประสานความร่วมมือ ในการสืบสวนในพื้นที่แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว หากมีการจับกุมผุ้ต้องสงสัยคือ นาย TRAN LINH และนายปรัชญ์นันท์ สายสุวรรณ และตรวจยึดเสือโคร่งที่ถูกกักอยู่ตามภาพเอกสารที่ส่งมาด้วยใด้ ขอใด้ประสานแจ้งให้ทราบด้วย เนื่องจากการสืบหาข่าว พ่อพันธ์ แม่พันธุ์เสือ อาจมาจากประเทศไทย โดยมีการส่งออก ซุกซ่อน และนำเข้าเสือในระหว่างสองประเทศ และต้องมีการเก็บตัวอย่างเลือดเพื่อตรวจ DNA ของเสือโคร่งอีกด้วย

 

ปัจจุบัน ลูกเสือโคร่งทั้ง 4 ตัว ( เพศผู้ 2 ตัว เพศเมีย 2 ตัว) ถูกดูแลอยู่ที่ ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชานี) พฤติกรรมและสุขภาพของลูกเสือโคร่งทั้ง 4 ตัว เริ่มปรับตัวได้แข็งแรงดี โดยมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด.

 

ภาพ-ข่าว อนุศักดิ์ – เสาวภา แสนวิเศษ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดมุกดาหาร

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *